ร่วมฉลองครบรอบ 40 ปีของ G-SHOCK ไปกับคุณภาพและสไตล์ที่หรูหรา ด้วยนาฬิการุ่นลิมิเต็ดจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ระดับเรือธงของ G-SHOCK อย่าง MR-G ที่ทำขึ้นเพื่อยกย่องผลงานของเหล่าช่างฝีมือ นาฬิกาเรือนนี้อุทิศให้กับเทคนิคของช่างฝีมือแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่สืบทอดกันมานานหลายศตวรรษ เพื่อเฉลิมฉลองเกียรติยศแห่งนักรบและความงามเชิงศิลปะของซามูไรด้วยดีไซน์ที่มีอยู่ใน โชเงคิ-มารุ: ไก (Shougeki-Maru: Gai) ซึ่งเป็นหมวกเกราะคาบูโตะที่ Casio มอบหมายให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์ MR-G กรอบหน้าปัดนั้นนำเสนอรูปทรงของตรามาเอดาเตะของหมวกเกราะแสนพิเศษนี้ พร้อมด้วยดีไซน์รูปเสือและลายสลักหินนูนสุดประณีตโดยช่างโลหะโคบายาชิ มาซาโอะ (KOBAYASHI Masao) นาฬิการุ่นลิมิเต็ดแต่ละเรือนจะมีลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งแกะสลักด้วยมือโดยช่างฝีมือระดับสูง แถบยางฟลูโอโรสี Dura Soft สีขาวบริสุทธิ์ชวนให้นึกถึงภาพลักษณ์ของอิโตะ โอโดชิ (Ito Odoshi)*1 ที่ใช้ในการประดิษฐ์เกราะญี่ปุ่นแบบโบราณ กระบวนการเสริมความแข็งระดับลึกและ AIP® สีเงินเข้มได้ถูกนำไปใช้กับเคสไทเทเนียมรีคริสตัลไลซ์เพื่อแสดงถึงสีสันของหมวกเกราะโชเงคิ-มารุ: ไก แผ่นโลหะแกะสลักเพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของ G-SHOCK ที่ด้านข้างของตัวเรือนที่ตำแหน่ง 10 นาฬิกาช่วยเพิ่มความีสไตล์ เช่นเดียวกับทับทิมที่สร้างในห้องปฏิบัติการสี่เม็ด*2 ภายในกรอบที่เป็นสัญลักษณ์ของระยะเวลา 40 ปี นอกจากจะแสดงความคารวะต่อประเพณีดั้งเดิมแล้ว นาฬิการุ่นนี้ยังมีฟังก์ชันการทำงานแบบสมัยใหม่ที่เหนือกว่าอีกด้วย นาฬิกามาพร้อมกับ Bluetooth® สำหรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน โดยมีการปรับเปลี่ยนตามสัญญาณเวลาของคลื่นวิทยุเพื่อการบอกเวลาที่แม่นยำ และเพียบพร้อมด้วยฟังก์ชันที่ใช้งานง่ายซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่เป็นต้นฉบับของ Casio MR-G รุ่นพิเศษที่คู่ควรกับการโอกาสครบรอบ 40 ปีนี้เฉลิมฉลองทั้งงานฝีมือแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ของญี่ปุ่น ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกรวมไว้ในนาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากซามูไรรุ่นนี้รุ่นเดียว　 *1 อิโตะ โอโดชิสีขาว: เชือกสีขาวที่ผูกชิ้นส่วนต่างๆ ของเกราะชิโคโรเข้าด้วยกัน สีขาวบริสุทธิ์เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นแน่วแน่ของนักรบที่ไม่เคยทรยศความเชื่อมั่นของตัวเองและไม่เคยไขว้เขวไปตามความคิดของผู้อื่น (เช่นเดียวกับสีขาวที่ไม่มีสีอื่นใดเจือปน) *2 หัวของสกรูสำหรับยึดกรอบถูกประดับประดาด้วยทับทิมที่พัฒนาขึ้นในห้องแล็บโดย Kyocera ซึ่งเป็นวัสดุที่เลือกสรรด้วยความมุ่งมั่นที่มีต่อความคิดเชิงจริยธรรม นับตั้งแต่สมัยโบราณ ทับทิมได้รับการขนานนามว่าเป็น "หินแห่งชัยชนะ" และเชื่อกันว่านำมาซึ่งพลังงานแห่งการก้าวข้ามอุปสรรคและชัยชนะ